วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

True Friends By Miley Cyrus


เพลงเพราะๆ ความหมายและเนื้อหาดีๆ ของคำว่า"เพื่อน"
และนิยามคำว่าเพื่อนของคุณล่ะ เป็นยังไง??

True Friends By Miley Cyrus

from "HANNAH MONTANA"



You know the secrets I could never tell
And when I'm quiet you break through my shell
Don't feel the need to do a rebel yell
'Cause you keep my feet on the ground

You're a true friend
You're here till the end
You pull me aside when something ain't right
Talk with me now and into the night
'Til it's alright again
You're a true friend

You don't get angry when I change the plans
Somehow you're never out of second chances
Won't say "I told you" when I'm wrong again
I'm so lucky that I've found

A true friend
You're here till the end
You pull me aside when something ain't right
Talk with me now and into the night
'Til it's alright again

True friends will go to the ends of the earth
Till they find the things you need
Friends hang on through the ups and the downs
Cause they've got someone to believe in

A true friend
You're here till the end
You pull me aside when something ain't right
Talk with me now and into the night
No need to pretend
You're a true friend

You're a true friend
You're here till the end
You pull me aside when something ain't right
Talk with me now and into the night
'Til it's alright again
You're a true friend

You're a true friend
You're a true friend


Read more: HANNAH MONTANA - TRUE FRIEND LYRICS

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

My BFF


ฟังเพลงเพื่อนของพี่ปูแล้วคิดถึงเพื่อนๆ มาลงรูปเพื่อนๆไว้ดูดีกว่า


      เพื่อนตอนม.ปลาย รักมาก เป็นเพื่อนที่คอยรับฟังปัญหาเราทุกอย่าง ช่วยเหลือเราทุกครั้งที่เดือดร้อน โชคดีเหมือนกันนะได้เจอเพื่อนแบบนี้น่ะ :)







 เพื่อนก็ยังคือเพื่อน...





เพื่อนก็ยังคือเพื่อน by พงษ์สิทธิ์ คำภีร์

ลองมาฟังเพลงเพราะๆ ความหมายดีๆถึงเพื่อนกันดีกว่า  ฟังแล้วคิดถึงเพื่อนเก่าทุกคนเลย 


พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ - เพื่อนก็ยังคือเพื่อน











Adam G. Sevani or Moose ( Step Up )

         ใครเคยดู Step Up มั่ง เรามีตัวละครในเรื่องมานำเสนอ นั่นก็คือ "Moose (มูส)" นั่นเอง เป็นตัวละครที่เราชอบมาก เพราะเค้าเต้นเก่งมาก เวลาเต้นดูแล้วเค้ามีความสุขกับการเต้นจริงๆ

 Adam G. Sevani (อดัม เซวานี่)


ผู้ที่รับบทเป็น มูส 



      Adam G. Sevani  มีเชื้อสายอิตาเลียนกับอเมริกัน (มีพี่ชาย 1 คน V.Sevani) อดัมเริ่มต้นเรียนเต้นตั้งแต่เด็กที่ สตูดิโอสอนเต้น  The Synthesis Dance Center ที่ครอบครัวของเขาก่อตั้งขึ้นเอง หลังจากนั้นเขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมสำหรับมัธยมที่ Ribet Academy Prep for high school ในขณะที่เขายังเต้นอยู่ด้วย



นี่เป็นฉากหนึ่งที่มูสเด่นมากๆ อันแรกเป็นฉาก Final Dance  จาก Step Up 2


และอันนี้เป็นฉากจาก Step Up 3D เป็นฉากที่เต้นในน้ำ เก่งสุดยอดจริงๆเลย



Harlem Shake คลายเครียดกันหน่อย

            
            ช่วงนี้เห็นกระแสการเต้นของ Harlem Shake กำลังมาแรงเลย เลยเอาคลิปมาให้ดูกัน อันแรกเป็นของนักเต้นวงโปรดของเราเอง Poreotics ดูแล้วฮามากก แต่ละคน ทำกันไปได้ 555555




ต่อด้วยเวอร์ชันนี้เลย เพื่อนๆเราเองง ทำตอนไปเที่ยวน้ำตกวังตะไคร้ด้วยกัน  55555 





วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Gintama การ์ตูนสุดฮา!!!


     เคยดูเรื่องนี้กันมั้ยยย  "กินทามะ" เป็นการ์ตูนที่สนุกมากกก ใครไม่เคยดูลองไปหาดูกันนะ ยิ่งอ่านเป็นหนังสือยิ่งฮาเลย ขอบอกว่าท่านกินหล่อมากก   



                                            

                              กินทามะ (อังกฤษ Gin Tama มีความหมายว่า จิตวิญญาณสีเงิน )

              เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เขียนโดย ฮิเดอากิ โซราจิ เริ่มลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ ของสำนักพิมพ์ชูเอฉะตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2546 และลงตีพิมพ์อย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน 

             เนื้อเรื่องมีฉากในเมืองเอโดะ (คือโตเกียวในปัจจุบัน เอโดะเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียวในปี พ.ศ. 2405) ประเทศญี่ปุ่น ในยุคเอโดะ ยุคที่มนุษย์ต่างดาวที่เรียกกันว่า ชาวสวรรค์ ได้มาตั้งรกรากบนโลกมนุษย์ ชาวสวรรค์ได้ออกคำสั่งริบยศถาบรรดาศักดิ์และยึดดาบของซามูไรไป ทำให้ยุครุ่งเรืองของซามูไรได้จบสิ้นลงชาวสวรรค์ได้มีอำนาจเหนือเอโดะมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีคนหนึ่งที่ยังยึดมั่นในจิตวิญญาณของซามูไรเขาชื่อ ซากาตะ กินโทกิ เคยเป็นนักรบซามูไรต่อต้านชาวสวรรค์
ปัจจุบันเปิดร้านรับจ้างสารพัด มีผู้ช่วยคือ ชิมูระ ชินปาจิ หนุ่มแว่นที่ทำงานเพื่อเรียนรู้จิตวิญญาณ
ของซามูไร และคางุระ เด็กหญิงชาวสวรรค์เผ่ายาโตะ ทั้งสามทำงานรับจ้างเพื่อหาเงิน
มาจ่ายค่าเช่าบ้านและเลี้ยงชีวิตในยุคมืดของซามูไร






เรามีคลิปของตอนที่ 1 มาให้ดูกันด้วย ลองดูกันนะ 


รู้ประโยชน์ของช็อกโกแลตกันแล้ว มาดูโทษกันมั่งดีกว่า...

         
เราเคยนำประโยชน์ของช็อกโกแลตมาให้ดูกันแล้ว แต่คราวนี้เรามาดูโทษของการรับประทานช็อกโกแลตทีมากเกินไปกันมั่งดีกว่า

             การรับประทานแทนนินมากเกินไปจะทำให้ฟันกลายสภาพเปลี่ยนเป็นสีขาวอมเหลือง ที่สร้างปัญหามากกว่านั้นคือปริมาณโกโก้ที่เติมลงในช็อกโกแลตไม่ได้มีมากอย่างที่เข้าใจกัน มีแต่น้ำตาลกับกลิ่นเป็นหลัก การรับประทานช็อกโกแลตแท่งมากๆจึงอาจทำให้ฟันผุเพราะฤทธิ์ของน้ำตาลได้ ช็อกโกแลตมีสารคาเฟอีนค่อนข้างสูง ทั้งยังมีสารที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับกาเฟอีน คือ แซนทีนไทโอโบรมีน (xanthine thiobromine) ซึ่งมีมากถึง 232 ถึง 272 มิลลิกรัมต่อช็อกโกแลต 100 กรัม หากดื่มช็อกโกแลตร้อนสักถ้วยหรือรับประทานช็อกโกแลตขนาดกลางสักแท่ง หรือบิสกิตช็อกโกแลตสักสองชิ้น ร่างกายจะได้รับสารคล้ายกาเฟอีนที่ว่านี้มากเป็นสองเท่าของการดื่มกาแฟหนึ่งถ้วย ช็อกโกแลตมี สารออกซาเลต (oxalate)ในปริมาณไม่น้อย และสารนี้อาจรวมตัวกับแคลเซียมในเลือดเกิดตกตะกอนในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดนิ่วขึ้นได้ ลองเปรียบเทียบดูจะพบว่าในแอปเปิลหนึ่งผลมีสารออกซาเลตเพียง 1.5 มิลลิกรัมในขณะที่ในโกโก้หนึ่งผลมีออกซาเลตสูงถึง 623 มิลลิกรัม  เหตุนี้เองทำให้มีการแนะนำว่าอย่ารับประทานช็อกโกแลตมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่บริโภคอาหารมังสวิรัติด้วยแล้ว การได้รับสารออกซาเลตสูงขณะที่รับประทานโปรตีนและฟอสเฟตในปริมาณน้อยจะเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วขึ้นได้ นอกจากนี้ การรับประทานสารออกซาเลตเข้าไปมากยังทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้น้อยลง ในหญิงวัยใกล้หมดประจำเดือนที่มักมีอาการกระดูกพรุนเพราะขาดแคลเซียมจึงต้องระวังไว้ อย่าเพลินกับการรับประทานช็อกโกแลตให้มากนัก อีกโรคหนึ่งก็คือโรคเครียดที่เรียกกันว่า ไมเกรน (migraine) 


   

           นายแพทย์โจเซฟ มิลเลอร์ (Joseph Miller) แห่งมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย พบว่า สารเอมีนหลายชนิดที่มีมากในช็อกโกแลตจะส่งผลให้สมองทำงานได้ช้าลง ประสาทอาจอ่อนล้า เซื่องซึมจนถึงง่วงได้ง่ายๆ บางครั้งยังอาจทำให้อารมณ์แปรปรวน สนใจสิ่งแวดล้อมน้อยลง มีผลทำให้อาการไมเกรนกำเริบขึ้น    ยังมีโรคอีกหลายโรคที่ต้องระวังการได้รับกาเฟอีนมากเกินไป เช่น การมีเยื่อเมือกในอกหรือในปอด (fibro-cystic breast) และโรคนอนไม่หลับ (insomnia) วิธีง่ายๆที่สามารถทำให้โรคเหล่านี้บรรเทาลงทำได้โดยการให้ผู้ป่วยงดการดื่มเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนอย่างเด็ดขาด ดังนั้นถ้าผู้ป่วยเลิกดื่มชา กาแฟ โคล่า และเลิกรับประทานช็อกโกแลตแล้ว จะทำให้อาการของโรคทุเลาลง ช็อกโกแลตจัดเป็นอาหารที่มีผลต่อจิตและประสาท     

วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

After Valentine's Day

           เนื่องจากเมื่อวานนี้เป็นวันวาเลนไทน์  วันแห่งความรักของคนมีคู่หลายๆคูู่  แต่ก็มีหลายๆคนที่ยังไร้คู่อยู่(เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้นนะ 555 ) ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำเพลงของคนไร้คู่ หรืออยู่ในโหมดแอบชอบใครสักคนมาฝากกัน   เพลงนี้มีทั้งหมดสองเวอร์ชั่น แต่วันนี้เราเอาเวอร์ชันใหม่ล่าสุดมาให้ฟังกัน ซึ่งเราชอบมากก เพราะว่าเพราะมากกก  เป็นการนำสุดยอดนักร้อง Cover หลายๆคนมารวมกัน ลองฟังกันดูนะคะ

ไกลแค่ไหน คือ ใกล้ [Special Version]







วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของช็อกโกแลต







  • สารประกอบในช็อกโกแลต มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดมะเร็ง และลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ เพราะมีสารที่ชื่อว่า ฟีโนลิค อยู่ในปริมาณสูง ซี่งเป็นสารซึ่งช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และป้องการก่อตัวของไขมันในเส้นเลือด ที่สำคัญยังช่วยให้แก่ช้าได้อีกด้วย
  •  ช่วยกระตุ้นอารมณ์รัก ช็อกโกแลตทำให้อยากมีเซ็กส์มากขึ้น เพราะในช็อกโกแลตมีสารกระตุ้น ที่มีผลต่อหัวใจ และระบบประสาทเมื่อรับประทานช็อกโกแลต หัวใจจะเต้นแรงขึ้น รู้สึกคึกคัก เล่ากันว่า นักรักชื่อกระฉ่อนโลกอย่างจิอาโคโม คาสซาโนวา (1725-1795) กินช็อกโกแลตก่อนขึ้นเตียงกับผู้หญิงที่หลงเสน่ห์ ด้วยช็อกโกแลตขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารกระตุ้นอารมณ์ใคร่ และผู้หญิงร้อยละ 50 สารภาพว่ากินช็อกโกแลตก่อนเมคเลิฟ
  • ช่วยปรับอารมณ์และจิตใจ ให้เข้าสู่สภาวะปกติ เหมาะมากสำหรับสาวๆ ที่เลือดจะไปลมจะมาทั้งหลาย ฉะนั้น ช็อกโกแลตจึงถือได้ว่า เป็นขนมหวานอันดับหนึ่งสำหรับผู้หญิง ช่วยลดอาการปวดท้อง หงุดหงิด หน้าบวม ตัวบวม ก่อนมีประจำเดือน ช็อกโกแลตมีสารทริพโทฟาน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนสำคัญ ทำหน้าที่ควบคุมเซโรโทนิน สารสื่อประสาทที่ควบคุมอารมณ์ เมื่อร่างกายขับเซโรโทนินออกมาช่วยให้ผ่อนคลายความวิตกกังวลได้


  • ช่วยแก้อาการเมาค้าง หรือ hangover ได้ด้วย
  • ป้องกันการเกิดมะเร็ง เพราะพิสูจน์แล้วว่า สารที่พบในช็อกโกแลต เป็นสารชนิดเดียวกันกับ สารที่พบใน ผัก ผลไม้ และไวน์แดง 
  • ช่วยลดอาการอักเสบ เวลาเจ็บป่วยต่างๆ มีผลต่อสมอง เพราะช่วยให้ตื่นตัว และยังช่วยให้ กระฉับกระเฉงอีกด้วย งานวิจัยชิ้นหนึ่งได้ทำการศึกษา ในชายอายุระหว่าง 65-84 ปี จำนวนเกือบ 500 คนที่อาศัยในเมือง Zutphen ประเทศเนเธอร์แลนด์ พบว่า 1 ใน 3 ของคนกลุ่มนี้ไม่ได้รับประทานโกโก้ ขณะที่ค่าเฉลี่ยมัธยฐานของกลุ่มของการรับประทานโกโก้จะอยู่ที่ 4.2 กรัมต่อวัน ในจำนวนอาสาสมัครกลุ่มนี้พบว่า ในช่วงระหว่างปี พ.ศ.2528-2543 มีอาสาสมัครเสียชีวิตลง 314 คน ซึ่งพบว่าคนที่รับประทานโกโก้มากที่สุด มีความเสี่ยงลดลงครึ่งหนึ่งของคนที่ไม่ได้รับประทาน
  • ช็อคโกแลตมีประโยชน์ต่อหัวใจ
          ทีมนักวิจัยจาก University of California at Davis, USA พบว่าโกโก้มีฤทธิ์ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเส้นเลือดอุดตัน อันเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดโรคหัวใจหากรับประทานทานช็อคโกแลตในจำนวนที่พอเหมาะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป โดยผลการวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition โดย Prof. Carl Keen และคณะ ประจำภาค Nutrition and Internal Medicine แห่งมหาวิทยาลัยนี้ ได้คัดเลือกอาสาสมัครจำนวน 30 คนซึ่งไม่สูบบุหรี่และไม่มีประวัติการเป็นโรคหัวใจมาก่อน เข้าทำการทดลอง โดยให้คนทั้งหมดนี้ดื่มน้ำ หรือ เครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน หรือเครื่องดื่มโกโก้ โดยให้ดื่มต่างเวลากันและดื่มทีละชนิด แต่ละครั้งก่อนดื่มจะถูกตรวจเลือดก่อน และตรวจเลือดอีกครั้งหลังการดื่มโดยห่างประมาณ 2 และ 6 ชั่วโมงตามลำดับ  นักวิจัยพบว่า Platelets ในเลือดของร่างกายผู้ที่ดื่มโกโก้มีการจับตัวเป็นก้อนน้อยกว่า ทั้งนี้ Platelets เป็นส่วนประกอบสำคัญในเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ทำให้เลือดจับตัวเป็นลิ่มหรือก้อนเมื่อเราบาดเจ็บ แต่อาจจับตัวกันหนาแน่นเป็นลิ่มเหนียวข้นเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดการอุดตันในร่างกายได้ ซึ่งถ้าเป็นก้อนใหญ่ก็จะทำให้เป็นโรคหัวใจวายกระทันหันได้   Prof. Keen ระบุว่าที่หมอมักจะสั่งยาแอสไพรินสำหรับเด็กให้ผู้สูงอายุรับประทานวันละเม็ดนั้น ก็เพื่อช่วยป้องกันโรค Heart attack เพราะแอสไพรินสำหรับเด็กช่วยไม่ให้ Platelets จับตัวกันเป็นก้อนเหนียวมากเกินไป ซึ่งเครื่องดื่มโกโก้ก็เช่นกัน แต่ออกฤทธิ์ไม่แรงเท่า

  • ช็อกโกแลตมีผลต่อความจำและระบบประสาท
           นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองเปรียบเทียบกลุ่มที่รับประทานช็อกโกแลตเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ให้รับประทานช็อกโกแลตเทียม เพื่อทดสอบความจำพบว่า กลุ่มที่กินช็อกโกแลตสามารถจดจำคำพูดและภาพได้ดีกว่า และยังเคลื่อนไหวตอบสนองได้คล่องแคล่วกว่า ปัจจุบันนักวิจัยกำลังทดลองซ้ำเพื่อเปรียบเทียบผลอยู่
          
         การทดลองเหล่านั้นสอดคล้องกับชีวิตของคนที่มีอายุเกินร้อยปีหลายคน ยกตัวอย่าง ฌอง คลามงต์ (1875-1997) และ ซาร่าห์ เคลาส์ (1880-1999) ทั้งสองคลั่งไคล้ช็อกโกแลตมาก คลามงต์ มีนิสัยติดกินช็อกโกแลตอาทิตย์ละสองปอนด์จนกระทั่งแพทย์ต้องแนะนำให้เธอเลิกกินเมื่ออายุได้ 119 ปี สามปีก่อนที่เธอจะลาโลกไปด้วยอายุ 122 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุยืนมักแนะนำให้กินช็อกโกแลตดำแทนขนมหวานมีแคลอรีสูงและนิยมกันมากในอเมริกา

          ในอังกฤษ ช็อกโกแลตแท่งสอดใส่คานาบิสนิยมใช้กับผู้ป่วยโรค multiple sclerosis หรือโรคปลอกหุ้มเส้นประสาทอักเสบ เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดกับระบบประสาทส่วนกลางแบบฉับพลัน โรคดังกล่าวมีพัฒนาการอย่างช้าๆ ส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางสายตา การพูด เมื่อรักษาเฉพาะอาการแล้วอาจเกิดขึ้นอีกได้ และร้ายแรงถึงขั้นอัมพาต ตาบอด และเสียชีวิต

       ในช็อกโกแลตมีส่วนประกอบมากกว่า 300 ชนิดที่ต่างกัน เช่นอนันดาไมด์ และเอ็นโดจีนัส คานาบินอยด์ที่พบได้ในระบบประสาท คนที่ไม่เชื่อแย้งว่า หากกินช็อกโกแลตให้ออกฤทธิ์ต่อประสาทได้จริงคงต้องกินกันทีละหลายปอนด์มากถึงเห็นผล และกินมากๆ ยังเสี่ยงเป็นนิ่วด้วย ถึงกระนั้น มีข้อมูลน่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งคือ สารสองชนิดของอนันดาไมด์พบอยู่ในช็อกโกแลต ซึ่งเชื่อกันว่ามีผลช่วยยืดความรู้สึกสุขสบายให้ยาวนาน

    ช็อกโกแลตช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน สารที่คล้ายกับที่ได้จากฝิ่นที่ผลิตขึ้นเองในร่างกาย เมื่อร่างกายหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินจะช่วยลดความเจ็บปวดได้ บางครั้งเชื่อว่า เอ็นดอร์ฟินมีส่วนช่วยให้ร่างกายอบอุ่นและสงสัยกันว่าเป็นตัวที่ทำให้คนบางคนถึงขนาดติดช็อกโกแลตงอมแงม







ช็อกโกแลตนานาชนิด




                 ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมที่นิยมมาก และมีให้เลือกในหลากหลายรูปแบบ รูปแบบและรสชาติของช็อกโกแลตนั้นแตกต่างกันได้โดยส่วนผสมและปริมาณของส่วนผสมในช็อกโกแลต นอกจากส่วนผสมแล้วรสชาติยังแตกต่างกันโดยระยะเวลาและอุณหภูมิของการคั่วเมล็ดโกโก้ด้วย

  • ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน
              ช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มความหวาน (unsweetened chocolate) คือ ช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์หรือที่รู้จักกันในนาม ช็อกโกแลตฝาด ใช้ในการอบอาหาร และเป็นช็อกโกแลตที่ไม่มีการเจือปนใด ๆ ทั้งสิ้น ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติเข้มข้มและลุ่มลึกของช็อกโกแลตบริสุทธิ์ แต่อย่างไรก็ดีเมื่อมีการเพิ่มน้ำตาลเข้าไป ช็อกโกแลตชนิดนี้จะใช้เป็นส่วนผสมหลักในการทำบราวนี เค้ก ลูกกวาด และคุกกี้


  • ช็อกโกแลตดำ
ช็อกโกแลตดำ (dark chocolate) คือช็อกโกแลตที่ไม่ได้เพิ่มนมเป็นส่วนประกอบ ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกเป็นช็อกโกแลตธรรมดา แต่ว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ เรียกเป็นช็อกโกแลตหวาน และกำหนดให้มีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 15% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 35% ช็อกโกแลตดำมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ป้องกันมิให้เกิดคราบไขมันสะสมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ สาเหตุของโรคหัวใจเลือดตีบ และช่วยป้องกันไม่ให้เกล็ดเลือดแข็งตัว สาเหตุของการอุดตันในหลอดเลือด และป้องกันความดันโลหิตสูง


  • ช็อกโกแลตนม
             ช็อกโกแลตนม (milk chocolate) คือช็อกโกแลตที่ผสมนมหรือนมข้นหวาน รัฐบาลสหรัฐฯ กำหนดว่าหากจะเรียกว่าช็อกโกแลตนม ต้องมีส่วนผสมของช็อกโกแลตเหลวบริสุทธิ์เข้มข้น 10% แต่ทางยุโรปได้กำหนดให้มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้อย่างน้อย 25%
ช็อกโกแลตชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ (cocoa butter) นม และยังเพิ่มความหวานและรสชาติลงไปด้วย ช็อกโกแลตนมนี้ใช้สำหรับแต่งหน้าขนมได้เป็นอย่างดี ช็อกโกแลตนมที่ทำในประเทศสหรัฐฯ ต้องประกอบด้วยน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 10% และนมที่ไม่ได้เอามันเนยออก 12%

  • Chocolate Liquor        
            เป็นผลผลิตจากเมล็ดโกโก้นำมาบดละเอียด แล้วนำมาคั้นเอาแต่น้ำ น้ำช็อกโกแลตนี้สามารถทำให้เย็นและทำให้แข็งตัวโดยใส่พิมพ์ไว้ แต่ช็อกโกแลตที่ได้เป็นชนิดที่ไม่หวาน น้ำช็อกโกแลตนี้จะมีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์ประมาณ 53% กลมกล่อม

  • ช็อกโกแลตกึ่งหวาน      
             ช็อกโกแลตกึ่งหวาน (semi-sweet) อยู่ในรูปของเหลวแล้วเพิ่มความหวานและใส่เนยโกโก้ลงไปด้วย สีของช็อกโกแลตชนิดนี้สีจะเข้ม ตามมาตรฐานของสหรัฐฯ จะมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตประมาณ 35% และมีไขมันประมาณ 27% ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสชาติความหวานเล็กน้อย และกลมกล่อมลิ้นอย่างมากก

  • ช็อกโกแลตหวาน
             ช็อกโกแลตหวาน (sweet chocolate) ช็อกโกแลตชนิดนี้จะเพิ่มความหวานลงไปมากกว่าช็อกโกแลตแบบหวานน้อย และมีส่วนผสมของน้ำช็อกโกแลตอย่างน้อย 15 % ช็อกโกแลตชนิดนี้ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในการทำขนมและตกแต่งขนม และยังมีไขมันเท่า ๆ กับช็อกโกแลตแบบหวานน้อย NA KA

  • ช็อกโกแลตขาว
             ช็อกโกแลตขาว (white chocolate) ชนิดนี้มีส่วนผสมของเนยโกโก้ แต่ไม่มีโกโก้ที่อยู่ในรูปของไขมัน แต่จะประกอบไปด้วยน้ำตาล เนยโกโก้ นมสด และใส่กลิ่นวานิลลาลงไปด้วย ช็อกโกแลตขาวนี้จะแตกหักง่าย หากเป็นของปลอมจะทำมาจากน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้

  • Liquid Chocolate
            เป็นช็อกโกแลตที่ไม่หวาน ส่วนใหญ่จะบรรจุขายเป็นขวด ขวดละ 1 ออนซ์ และเนื่องจากมันไม่ละลายจึงสะดวกในการใช้มาก โดยพัฒนาขึ้นมาสำหรับใช้ทำขนมอบ อย่างไรก็ดีเนื่องจากมีส่วนผสมของน้ำมันพืชมากกว่าเนยโกโก้ ซึ่งเนื้อช็อกโกแลตจะแตกต่างกัน ปกติแล้วช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีรสไม่หวาน

  • กูแวร์ตูร์
            ช็อกโกแลตชนิดกูแวร์ตูร์ (couverture) เป็นชนิดที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวคือจะเป็นมันเงา โดยปกติจะมีส่วนผสมของเนยโกโก้อย่างน้อยที่สุด 32% ทำให้มันสามารถคงตัวอยู่ในรูปของไขได้ดีกว่าชนิดเคลือบ ปกติแล้วจะใช้เฉพาะในร้านที่ทำขนมหวานเท่านั้น ส่วนใหญ่จะพบอยู่ในรูปของส่วนที่เคลือบอยู่ภายนอกผลไม้หรือหุ้มไส้ช็อกโกแลตอยู่ 'มีรสเผ็ด;

  • Ganache
        ช็อกโกแลตชนิดนี้จะมีลักษณะข้นมาก เป็นที่นิยมนำไปทำเค้กช็อกโกแลต Ganache ทำโดยการเทวิปปิงครีมที่นำไปอุ่นลงไปในชอคโกแลตสับในปริมาณที่เท่ากัน ทิ้งไว้สักครู่จนชอคโกแลตเริ่มละลายและคนให้เข้ากัน จะได้ส่วนผสมที่ข้นขึ้น อาจเติมเนยในปริมาณเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความเงาให้กับกานาชด้วย

  • Confectionery Coating
             เป็นช็อกโกแลตที่ใช้เคลือบลูกกวาด โดยนำไปผสมกับน้ำตาล นมผง น้ำมันพืช และสารปรุงแต่งรสชาติต่าง ๆ มีสีสันหลากหลาย ลูกกวาดที่ได้นี้ผงโกโก้จะมีไขมันต่ำ แต่จะไม่มีส่วนผสมของเนยโกโก้ เหมือนชนิดอื่น ๆ จึงแยกออกมาเป็นอีกประเภทหนึ่งได้










Oh!! Chocolate :)



"ช็อกโกแลต มีดีมากกว่าที่คุณคิด"


ช๊อกโกแลต ขนมหวานของโปรดของคนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วัยเด็กนั่นเอง หลายๆคนอาจยังไม่รู้ที่มาของช๊อกโกแลตว่ามันผลิตมาจากอะไรและทำอย่างไรถึงจะได้มาเป็นช๊อกโกแลตให้เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ วันนี้เราจะมาดูที่มาของช๊อกโกแลตกัน
ช็อกโกแลต (chocolate)คือผลิตผลที่ได้มาจากเมล็ดของต้นโกโก้เขตร้อน ช็อกโกแลตเป็นส่วนผสมของของหวานหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นไอศกรีม ลูกอม คุกกี้ เค้ก หรือว่าพาย ช็อกโกแลตถือได้ว่าเป็นของหวานอย่างหนึ่งที่ถูกใจคนทั่วโลก
ช็อกโกแลตทำจากการหมัก คั่ว และบดอย่างละเอียดของเมล็ดโกโก้ซึ่งได้มาจากต้นโกโก้เขตร้อน (tropical cacao tree) ซึ่งมีต้นกำเนิดจากอเมริกากลางและเม็กซิโก ต้นโกโก้นั้นค้นพบโดยชาวอินเดียนแดงและชาวอัซเตก (Aztecs) แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจายและปลูกไปทั่วเขตร้อน เมล็ดของต้นโกโก้นั้นมีรสฝาดที่เข้มข้นมาก ผลผลิตของเมล็ดโกโก้รู้จักกันในนาม "ช็อกโกแลต" หรือบางส่วนของโลกในนาม "โกโก้"
ผลิตภัณฑ์จากเมล็ดโกโก้รู้จักภายใต้หลายชื่อแตกต่างกันไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก ในอเมริกา อุตสาหกรรมช็อกโกแลตได้จำกัดความไว้ว่า
  • โกโก้ (cocoa) คือเมล็ดของต้นโกโก้
  • เนยโกโก้ (cocoa butter) คือไขมันของเมล็ดโกโก้
  • ช็อกโกแลต (chocolate) คือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของต้นโกโก้และเนยโกโก้
ช็อกโกแลตคือส่วนผสมระหว่างเมล็ดของฝักถั่วโกโก้และเนยโกโก้ ซึ่งได้ผสมน้ำตาลและส่วนผสมอื่น ๆ และทำให้อยู่ในรูปของแท่งและรูปอื่น ๆ
เมล็ดของต้นโกโก้นอกจากทำเป็นช็อกโกแลตได้แล้วยังสามารถทำเป็นเครื่องดื่มได้ด้วย เช่น ช็อกโกแลตร้อน เครื่องดื่มช็อกโกแลตนั้นคิดค้นขึ้นโดยชาวอัซเตก (Aztecs) หลังจากนั้นโดยชนเผ่าอินเดียนแดงและชาวยุโรป